วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

วิดีโอเรื่อง แรงและการเคลื่อนที่


วิดีโอเรื่อง ไฟฟ้าและพลังงาน



ข้อสอบบทที่5

ทดสอบหลังเรียน

คลิกเลือกข้อที่ถูกต้องที่สุด
1.สัตว์ชนิดหนึ่งมี 4 ขา มีการปฏิสนธิภายในร่างกาย และออกลูกเป็นตัว อยากทราบว่าสัตว์ชนิดนี้น่าจะเป็นสัตว์ในข้อใด
 ก.
คางคก / จงโคร่ง
 ข.
สุนัข / กระต่าย
 ค.
เต่า / ตะพาบ
 ง.
จระเข้ / ตะกวด
2.สัตว์ประเภทใดไม่มีการปฏิสนธิภายในร่างกาย
 ก.
สัตว์ปีก
 ข.
สัตว์เลื้อยคลาน
 ค.
สัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบก
 ง.
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
3.สัตว์ชนิดใดมีการสืบพันธุ์ แตกต่าง จากพวก
 ก.
ไฮดรา
 ข.
ยูกลีนา
 ค.
อะมีบา
 ง.
พารามีเซียม
4.สัตว์ชนิดใดที่มีการปฏิสนธิภายในและมีการเจริญเป็นตัวอ่อนภายนอกตัวแม่
 ก.
ม้าลาย
 ข.
จิงโจ้
 ค.
ปลาหางนกยูง
 ง.
นกกระจอก
5. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการสืบพันธุ์แบบ ไม่อาศัยเพศ
 ก.
ยูกลีนาสืบพันธุ์โดยการสร้างหน่อ และจะหลุดออกเป็นตัวใหม่ได้
 ข.
พารามีเซียมสืบพันธุ์โดยการ ผสมกันของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ และเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย
 ค.
ฟองน้ำสืบพันธุ์โดยการแบ่งเซลล์ออกเป็น 2 ส่วน เหมือนๆ กัน
 ง.
ลำตัวท่อนที่ขาดของพลานาเรีย สามารถงอกกลายเป็นตัวใหม่ที่สมบูรณ์ได้
6.การผสมกันของละอองเรณูกับเซลล์ไข่ของพืช เปรียบได้กับขั้นตอนใดของสัตว์
 ก.
การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้
 ข.
การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย
 ค.
อสุจิเข้าผสมกับเซลล์ไข่
 ง.
สัตว์เพศเมียตั้งท้องจนครบกำหนด ระยะเวลาคลอด
7. สัตว์ที่มีการปฏิสนธิภายนอกมีสิ่งใด เป็นตัวกลางให้อสุจิเข้าผสมกับไข่
 ก.
น้ำ
 ข.
น้ำเมือกที่หุ้มไข่
 ค.
การอมไข่ของสัตว์เพศผู้
 ง.
การขยับตัวไปมาของสัตว์เพศเมีย
8.ข้อใดไม่เป็นการสืบพันธุ์
 ก.
ไฮดราแตกหน่อเป็นตัวใหม่
 ข.
ตุ๊กแกงอกหางที่ขาดขึ้นมาใหม่
 ค.
อะมีบาแบ่งเซลล์เป็น 2 ส่วน
 ง.
พลานาเรีย งอกส่วนที่ขาดจากตัวเดิม เป็นตัวใหม่
9.ปลากัดเพศผู้กอดรัดปลากัดเพศเมีย แสดงถึงสิ่งใด
 ก.
การต่อสู้
 ข.
การขออาหาร
 ค.
อำพรางศัตรู
 ง.
ต้องการผสมพันธุ์
10. ข้อใดเป็นการผสมเทียม
 ก.
สัตว์ต่างชนิดกันผสมพันธุ์กัน
 ข.
สัตว์เพศผู้ปล่อยน้ำเชื้อในสัตว์เพศเมีย
 ค.
สัตว์ที่มี 2 เพศในตัวเดียวกัน ผสมพันธุ์ภายในตัวเอง
 ง.
การนำน้ำเชื้อของสัตว์เพศผู้มาผสมกับเซลล์ไข่ ของสัตว์เพศเมีย โดยมนุษย์เป็นผู้ทำ
11 .ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการปฏิสนธิ
 ก.
การปฏิสนธิภายนอก มีการผสมของเซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่ ภายในร่างกาย
 ข.
การปฏิสนธิภายในเกิดขึ้นเมื่อเซลล์อสุจิผสมกับเซลล์ไข่ ภายนอกร่างกาย
 ค.
การปฏิสนธิภายนอกไม่มีการผสมกันของเซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่
 ง.
การปฏิสนธิภายในมีการผสมกัน ของเซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่ ภายในร่างกายของเพศเมีย
12. ข้อใดไม่ใช่วิธีการขยายพันธุ์สัตว์
 ก.
การผสมเทียม
 ข.
การคัดแยกพันธุ์
 ค.
การถ่ายฝากตัวอ่อน
 ง.
การให้ผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ
13. ข้อใดเป็นการผสมเทียมโค
 ก.
นำน้ำเชื้อและไข่มาผสมกันในภาชนะ
 ข.
ผสมน้ำเชื้อและไข่ฉีดเข้าไปในมดลูกของโคเพศเมีย
 ค.
ฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในมดลูกของโค
เพศเมียในระยะที่มีการตกไข่
 ง.
นำไข่ของโคเพศเมียฉีดเข้าไปในร่างกายของโคเพศผู้
14.การผสมเทียมสัตว์ในข้อใดเป็นแบบปฏิสนธิภายนอก
 ก.
กระบือ
 ข.
ปลานิล
 ค.
สุกร
 ง.
โค
15. พฤติกรรมของสัตว์ในข้อใด ไม่เป็นการตอบสนองต่ออุณหภูมิ
 ก.
กบหลบอยู่ในที่อยู่อาศัยโดยไม่กินอาหาร
 ข.
นกสร้างขนหนาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น
 ค.
นกอพยพหาที่อยู่ใหม่ในฤดูหนาว
 ง.
นกยูงรำแพนหางอย่างสวยงาม
16. สัตว์ในข้อใดไม่สามารถพรางตัวได้
 ก.
ตุ๊กแก
 ข.
ตั๊กแตน
 ค.
กิ้งก่า
 ง.
กระรอก
17.เหตุใดจึงต้องมีการขยายพันธุ์สัตว์
 ก.
เพื่อเพิ่มจำนวน
 ข.
เพื่อให้เกิดสายพันธุ์ใหม่
 ค.
เพื่อให้สัตว์มีรูปร่างเปลี่ยนไป
 ง.
เพื่อให้สัตว์มี 2 เพศ ในตัวเดียวกัน
18. การผสมเทียมปลา หลังจากคนน้ำเชื้อและไข่ที่อยู่ในภาชนะแล้ว ควรทำอย่างไรเป็นขั้นตอนต่อไป
 ก.
นำไปแช่เย็นเพื่อปรับอุณหภูมิ
 ข.
นำไข่ไปใส่ตู้อบ เพื่อฆ่าเชื้อ
 ค.
ฉีดกลับเข้าไปในร่างกายของปลาเพศเมีย
 ง.
เทลงในบ่อฟักเพื่อให้ไข่ฟักเป็นตัว
19. สัตว์บางชนิดมีสีสันฉูดฉาดเพื่ออะไร
 ก.
เรียกคู่
 ข.
เพื่อหาอาหาร
 ค.
เตือนภัยศัตรู
 ง.
ปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิ
20. ข้อใดเป็นการเตือนภัยศัตรูของงูจงอาง
 ก.
ขดตัว
 ข.
ชูหาง
 ค.
แผ่แม่เบี้ย
 ง.
เลื้อยวนเป็นวงกลม

ข้อสอบบทที่4

บบทดสอบหลังเรียน    เรื่อง  ระบบสุริยะ


1. เราใช้กลุ่มดาวใดบ้างในการสังเกตดาวเหนือ
 ก.กลุ่มดาวจระเข้ และกลุ่มดาวนายพราน
 ข. กลุ่มดาวพิณ  และกลุ่มดาวค้างคาว
 ค. กลุ่มดาวจระเข้และกลุ่มดาวค้างคาว
 ง. กลุ่มดาวค้างคาวและกลุ่มดาวนายพราน

2. ข้อใดคือดาวเคราะห์วงใน
 ก. ดาวเสาร์และดาวพุธ
 ข. ดาวพุธและดาวอังคาร
 ค. ดาวอังคารและดาวพฤหัส
 ง. ดาวพุธและดาวศุกร์

3. ดาวเหนืออยู่ในกลุ่มดาวอะไร
 ก .กลุ่มดาวพิณ
 ข. กลุ่มดาวช้าง
 ค. กลุ่มดาวค้างคาว
 ง. กลุ่มดาวหมีเล็ก

4. ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือดาวอะไร
 ก. ดาวเสาร์
 ข. ดาวอังคาร
 ค. ดาวพฤหัส
 ง. ดาวยูเรนัส

5. กลุ่มดาวจักราศีประจำราศีมีนคือกลุ่มดาวอะไร
 ก. กลุ่มดาวปลา
 ข. กลุ่มดาววัว
 ค. กลุ่มดาวสิงโต
 ง. กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ

6. ดาวที่ได้ฉายาว่า  เตาไฟแช่แข็ง  คือดาวเคราะห์ดวงไห
 ก. ดาวอังคาร
 ข. ดาวศุกร์
 ค. ดาวพุธ
 ง. ดาวเสาร์

7. ดาวเคราะห์น้อยอยู่ระหว่างดาวเคราะห์คู่ใด
 ก . ดาวพุธและดาวศุกร์
 ข. โลกและดาวอังคาร
 ค. ดาวอังคารและดาวพฤหัส
 ง. ดาวพฤหัสและดาวเสาร์

8. แกนโลกเอียงทำมุมกี่องศา
 ก. 20.5  องศา
 ข. 21.5  องศา
 ค. 23.5  องศา
 ง. 24.0  องศา

9. 1  หน่วยดาราศาสตร์มีค่าประมาณเท่าใด
 ก. 148   ล้านกิโลเมตร
 ข. 149  ล้านกิโลเมตร
 ค. 150  ล้านกิโลเมตร
 ง. 151  ล้านกิโลเมตร

10. ดาวเคราะห์หินมีกี่ดวง
 ก. 2 
 ข. 3
 ค. 4
 ง. 5

คะแนนที่คุณทำได้=  คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
เฉลยคำตอบ :

ข้อสอบบทที่3

ทดสอบหลังเรียน

คลิกเลือกข้อที่ถูกต้องที่สุด
1.สัตว์ชนิดหนึ่งมี 4 ขา มีการปฏิสนธิภายในร่างกาย และออกลูกเป็นตัว อยากทราบว่าสัตว์ชนิดนี้น่าจะเป็นสัตว์ในข้อใด
 ก.
คางคก / จงโคร่ง
 ข.
สุนัข / กระต่าย
 ค.
เต่า / ตะพาบ
 ง.
จระเข้ / ตะกวด
2.สัตว์ประเภทใดไม่มีการปฏิสนธิภายในร่างกาย
 ก.
สัตว์ปีก
 ข.
สัตว์เลื้อยคลาน
 ค.
สัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบก
 ง.
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
3.สัตว์ชนิดใดมีการสืบพันธุ์ แตกต่าง จากพวก
 ก.
ไฮดรา
 ข.
ยูกลีนา
 ค.
อะมีบา
 ง.
พารามีเซียม
4.สัตว์ชนิดใดที่มีการปฏิสนธิภายในและมีการเจริญเป็นตัวอ่อนภายนอกตัวแม่
 ก.
ม้าลาย
 ข.
จิงโจ้
 ค.
ปลาหางนกยูง
 ง.
นกกระจอก
5. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการสืบพันธุ์แบบ ไม่อาศัยเพศ
 ก.
ยูกลีนาสืบพันธุ์โดยการสร้างหน่อ และจะหลุดออกเป็นตัวใหม่ได้
 ข.
พารามีเซียมสืบพันธุ์โดยการ ผสมกันของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ และเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย
 ค.
ฟองน้ำสืบพันธุ์โดยการแบ่งเซลล์ออกเป็น 2 ส่วน เหมือนๆ กัน
 ง.
ลำตัวท่อนที่ขาดของพลานาเรีย สามารถงอกกลายเป็นตัวใหม่ที่สมบูรณ์ได้
6.การผสมกันของละอองเรณูกับเซลล์ไข่ของพืช เปรียบได้กับขั้นตอนใดของสัตว์
 ก.
การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้
 ข.
การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย
 ค.
อสุจิเข้าผสมกับเซลล์ไข่
 ง.
สัตว์เพศเมียตั้งท้องจนครบกำหนด ระยะเวลาคลอด
7. สัตว์ที่มีการปฏิสนธิภายนอกมีสิ่งใด เป็นตัวกลางให้อสุจิเข้าผสมกับไข่
 ก.
น้ำ
 ข.
น้ำเมือกที่หุ้มไข่
 ค.
การอมไข่ของสัตว์เพศผู้
 ง.
การขยับตัวไปมาของสัตว์เพศเมีย
8.ข้อใดไม่เป็นการสืบพันธุ์
 ก.
ไฮดราแตกหน่อเป็นตัวใหม่
 ข.
ตุ๊กแกงอกหางที่ขาดขึ้นมาใหม่
 ค.
อะมีบาแบ่งเซลล์เป็น 2 ส่วน
 ง.
พลานาเรีย งอกส่วนที่ขาดจากตัวเดิม เป็นตัวใหม่
9.ปลากัดเพศผู้กอดรัดปลากัดเพศเมีย แสดงถึงสิ่งใด
 ก.
การต่อสู้
 ข.
การขออาหาร
 ค.
อำพรางศัตรู
 ง.
ต้องการผสมพันธุ์
10. ข้อใดเป็นการผสมเทียม
 ก.
สัตว์ต่างชนิดกันผสมพันธุ์กัน
 ข.
สัตว์เพศผู้ปล่อยน้ำเชื้อในสัตว์เพศเมีย
 ค.
สัตว์ที่มี 2 เพศในตัวเดียวกัน ผสมพันธุ์ภายในตัวเอง
 ง.
การนำน้ำเชื้อของสัตว์เพศผู้มาผสมกับเซลล์ไข่ ของสัตว์เพศเมีย โดยมนุษย์เป็นผู้ทำ
11 .ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการปฏิสนธิ
 ก.
การปฏิสนธิภายนอก มีการผสมของเซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่ ภายในร่างกาย
 ข.
การปฏิสนธิภายในเกิดขึ้นเมื่อเซลล์อสุจิผสมกับเซลล์ไข่ ภายนอกร่างกาย
 ค.
การปฏิสนธิภายนอกไม่มีการผสมกันของเซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่
 ง.
การปฏิสนธิภายในมีการผสมกัน ของเซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่ ภายในร่างกายของเพศเมีย
12. ข้อใดไม่ใช่วิธีการขยายพันธุ์สัตว์
 ก.
การผสมเทียม
 ข.
การคัดแยกพันธุ์
 ค.
การถ่ายฝากตัวอ่อน
 ง.
การให้ผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ
13. ข้อใดเป็นการผสมเทียมโค
 ก.
นำน้ำเชื้อและไข่มาผสมกันในภาชนะ
 ข.
ผสมน้ำเชื้อและไข่ฉีดเข้าไปในมดลูกของโคเพศเมีย
 ค.
ฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในมดลูกของโค
เพศเมียในระยะที่มีการตกไข่
 ง.
นำไข่ของโคเพศเมียฉีดเข้าไปในร่างกายของโคเพศผู้
14.การผสมเทียมสัตว์ในข้อใดเป็นแบบปฏิสนธิภายนอก
 ก.
กระบือ
 ข.
ปลานิล
 ค.
สุกร
 ง.
โค
15. พฤติกรรมของสัตว์ในข้อใด ไม่เป็นการตอบสนองต่ออุณหภูมิ
 ก.
กบหลบอยู่ในที่อยู่อาศัยโดยไม่กินอาหาร
 ข.
นกสร้างขนหนาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น
 ค.
นกอพยพหาที่อยู่ใหม่ในฤดูหนาว
 ง.
นกยูงรำแพนหางอย่างสวยงาม
16. สัตว์ในข้อใดไม่สามารถพรางตัวได้
 ก.
ตุ๊กแก
 ข.
ตั๊กแตน
 ค.
กิ้งก่า
 ง.
กระรอก
17.เหตุใดจึงต้องมีการขยายพันธุ์สัตว์
 ก.
เพื่อเพิ่มจำนวน
 ข.
เพื่อให้เกิดสายพันธุ์ใหม่
 ค.
เพื่อให้สัตว์มีรูปร่างเปลี่ยนไป
 ง.
เพื่อให้สัตว์มี 2 เพศ ในตัวเดียวกัน
18. การผสมเทียมปลา หลังจากคนน้ำเชื้อและไข่ที่อยู่ในภาชนะแล้ว ควรทำอย่างไรเป็นขั้นตอนต่อไป
 ก.
นำไปแช่เย็นเพื่อปรับอุณหภูมิ
 ข.
นำไข่ไปใส่ตู้อบ เพื่อฆ่าเชื้อ
 ค.
ฉีดกลับเข้าไปในร่างกายของปลาเพศเมีย
 ง.
เทลงในบ่อฟักเพื่อให้ไข่ฟักเป็นตัว
19. สัตว์บางชนิดมีสีสันฉูดฉาดเพื่ออะไร
 ก.
เรียกคู่
 ข.
เพื่อหาอาหาร
 ค.
เตือนภัยศัตรู
 ง.
ปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิ
20. ข้อใดเป็นการเตือนภัยศัตรูของงูจงอาง
 ก.
ขดตัว
 ข.
ชูหาง
 ค.
แผ่แม่เบี้ย
 ง.
เลื้อยวนเป็นวงกลม

การถ่ายฝากตัวอ่อน บทที่5


วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554


การถ่ายฝากตัวอ่อน



การถ่ายฝากตัวอ่อน (อังกฤษ: embryo transfer) เป็นการนำตัวอ่อนที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างตัวอสุจิของพ่อพันธุ์และไข่ของแม่พันธุ์ที่คัดเลือกไว้ แล้วเก็บออกมาจากมดลูกของแม่พันธุ์ ต่อจากนั้นนำไปฝากใส่ไว้ให้เติบโตในมดลูกของตัวเมียอีกตัวหนึ่งจนคลอด

การถ่ายฝากตัวอ่อนประกอบด้วยสัตว์เพศเมียที่เป็นตัวให้ (donor) และตัวรับ (recipients) ซึ่งมีได้หลายตัว

ตัวให้จะเป็นแม่พันธุ์ที่คัดเลือกไว้ ซึ่งสัตว์บางประเภท เช่นโค กระบือ จะตกไข่ครั้งละ 1 ใบ แต่ถ้าต้องการให้ตกไข่มากขึ้น ก็ต้องใช้ฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่ให้สร้างไข่ได้มากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้แม่พันธุ์มีไข่ตกมากกว่าครั้งละ 1 ใบ เมื่อแม่พันธุ์สามารถตกไข่ได้ครั้งละหลายใบ ก็จะมีโอกาสผสมเป็นตัวอ่อนได้หลายตัวในคราวเดียวกัน

ตัวรับเป็นสัตว์เพศเมียที่ไม่ได้รับการเลือกเป็นแม่พันธุ์ ตัวรับมีได้หลายตัว เพื่อรับตัวอ่อนจากแม่พันธุ์ให้มาเจริญเติบโตในมดลูกของตัวรับจนถึงกำหนดคลอด ตัวรับจะต้องมีสภาพร่างกายที่เป็นปกติ มีมดลูกที่พร้อมจะรับการฝังตัวของตัวอ่อน ดังนั้น ตัวรับมักจะเป็นพันธุ์พื้นเมืองเพราะจะแข็งแรงกว่า ในบางกรณีก่อนการถ่ายฝากตัวอ่อนอาจต้องมีการฉีดฮอร์โมนให้ตัวรับ เพื่อเตรียมสภาพของมดลูกให้พร้อมที่ตั้งท้องตามปกติ

การถ่ายฝากตัวอ่อนจะช่วยทำให้ได้ตัวอ่อนจำนวนมากขึ้น ในการผสมพันธุ์แต่ละครั้ง ซึ่งมีวิธีการและขั้นตอนสำคัญดังนี้
1. เลือกแม่พันธุ์ที่ดี แล้วกระตุ้นให้สร้างไข่และตกไข่ครั้งละหลายๆ ฟองด้วยการฉีดฮอร์โมน
2. เตรียมตัวเมียที่จะรับฝากตัวอ่อนโดยใช้ฮอร์โมนฉีดกระตุ้นให้มีความพร้อมที่จะตั้งท้อง
3. ทำการผสมเทียมโดยฉีดน้ำเชื้อของตัวผู้ที่เป็นพ่อพันธุ์เข้าไปในมดลูกของแม่พันธุ์ในช่วงไข่ตกในข้อ 1 หรือปล่อยให้ตัวผู้หรือพ่อพันธุ์ ผสมพันธุ์เองตามธรรมชาติ ทำให้ไข่หลายฟองได้รับการปฏิสนธิแล้วเจริญกลายเป็นเป็นตัวอ่อนอยู่ในมดลูกหลายตัวพร้อมกัน
4. ใช้เครื่องมือดูดเอาตัวอ่อน ออกจากมดลูกของแม่พันธุ์มาตรวจสอบและคัดเลือกเอาเฉพาะตัวอ่อนที่สมบูรณ์ดี เท่านั้น โดยต้องใช้ตัวเมียเท่ากับจำนวนของตัวอ่อนที่จะถ่ายฝาก
5. นำตัวอ่อนที่ผ่านการตรวจสอบ และคัดเลือก แล้วนำไปใส่ฝากไว้ในมดลูกของตัวเมียที่เป็นตัวรับฝากตัวอ่อนที่ได้เตรียมไว้ โดยต้องใช้ตัวเมียเท่ากับจำนวนของตัวอ่อนที่จะถ่ายฝาก

ข้อดีของการถ่ายฝากตัวอ่อนหลังจากการถ่ายฝากตัวอ่อนเรียบร้อยแล้ว ตัวอ่อนจะเจริญเติบโตอยู่ในมดลูกจนสมบูรณ์ดี จึงคลอดออกมาพร้อม ๆ กัน การถ่ายฝากตัวอ่อน มีข้อดี ดังนี้
1. ทำให้ได้ลูกจากพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์คู่เดียวจำนวนมากในการผสมพันธุ์กันเพียงครั้งเดียว
2. ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการผลิตสัตว์ได้เป็นอย่างดี
3. สามารถเก็บรักษาตัวอ่อนไว้ได้นานโดยการแช่แข็งซึ่งสามารถที่จะนำมาใช้ถ่ายฝากให้กับตัวเมียอื่น ๆ ได้ทุกเวลาตามที่ต้องการ
4. ทำให้ได้สัตว์ที่มีลักษณะดีตามความต้องการในปริมาณมาก

กำเนิดดวงดาว บทที่4




ปฏิกิริยาฟิชชั่นมีผลต่อกำเนิด ของดวงดาวหรือไม่ความจริงแล้ว ปฏิกิริยาที่มีผลต่อกำเนิดของ ดวงดาวคือปฏิกิริยาฟิวชั่น ปฏิกิริยาฟิชชั่นคือปฏิกิริยาที่ นิวเคลียร์ที่มีขนาดใหญ่ อย่างเช่น ยูเรเนียม แตกตัวออกโดยปล่อย พลังงานมหาศาลออกมาด้วย
ส่วนปฏิกิริยาฟิวชั่นคือปฏิกิริยาที่เกิดจากการรวมตัวกันของนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ และก็ ปล่อยพลังงานออกมาเช่นกัน กลุ่มก๊าซที่รวมตัวกันกลายเป็น กำเนิดของดวงดาวอย่างเช่นดวงอาทิตย์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดปฏิกิริยาฟิวชั่นที่จุดศูนย์กลาง ซึ่งเรียกเหตุการณ์นี้ว่าการกำเนิดของดวงดาว แล้วก๊าซจำเป็นต่อกระบวนการ กำเนิดดวงดาวหรือไม่ ไม่มีการ ระบุชนิดของก๊าซลงไปแน่นอนนักว่า ชนิดใดที่จำเป็น อย่างเช่น ในกลุ่มดวงดาวหนึ่งๆ มีปริมาณ ก๊าซไฮโดรเจนอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งการที่ก๊าซไฮโดรเจนเกิดการรวมตัวกัน ที่จุดศูนย์กลางของกลุ่มก๊าซทำให้เกิด กระบวนการกำเนิดดวงดาวขึ้น แต่ถ้าในกลุ่มก๊าซใดที่มีก๊าซคาร์บอนอยู่มาก ก็สามารถเกิดการรวมตัว ของกลุ่มก๊าซ ที่ทำให้เกิดดวงดาวอีกชนิดหนึ่ง จะเห็นว่ากลุ่มก๊าซต่างชนิดกัน ก็จะให้กำเนิดดวงดาวที่แตกต่างกันด้วย อาจจะต่างกันในรูปของขนาด ที่มีทั้งใหญ่เล็ก หรือความสว่างของดวงดาว

ส่วนของกาแลกซี่ที่มีกำเนิดของดวงดาวมาก จะอยู่ในบริเวณที่กลุ่มเมฆของก๊าซที่หนาแน่นมาก ซึ่งกลุ่มเมฆที่มีความเหมาะสม ส่วนใหญ่แล้วจะมี ก๊าซไฮโดรเจนอยู่ด้วย เรียกว่า Molecular Clouds กลุ่มของดาวดวงใหม่ที่เกิดขึ้นจะพบเห็นมากใกล้ๆ Molecular Clouds ดวงดาวจะต้องมีความร้อนมากเท่าไร จึงจะถือกำเนิดขึ้นมาได้ หรืออักนัยหนึ่ง ก็คือที่อุณหภูมิเท่าไหร่ที่ปฏิกิริยาฟิวชั่น จะเกิดขึ้นคำตอบก็คือ ประมาณ 10 ล้านองศาเคลวิน หรือ 20 ล้านองศาฟาร์เรนไฮต์ ซึ่งที่อุณหภูมินี้มีผลต่อปฏิกิริยาฟิวชั่นที่เกิดขึ้นคือ นิวเคลียสของไฮโดรเจนซึ่งเป็นโปรตอน จะรวมตัวกันกับอีกตัวที่มีประจุไฟฟ้าเดียวกันแต่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประจุไฟฟ้า เหมือนกันจะผลักกัน การที่ไฮโดรเจน จะรวมตัวกันได้ตามปฏิกิริยาฟิวชั่นนั้น ต้องใช้ความเร็วอย่างสูงที่จะเอาชนะแรงผลักนั้นได้ เหมือนกับคุณมีลูกโป่ง อยู่รอบเอวของคุณ ทำให้คุณไม่สามารถ เอามือแตะผนังได้ ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือ คุณจะต้องถอยหลัง และวิ่งอย่างเร็วและสุดแรงเพื่อที่จะเอาชนะแรงดันอากาศ ภายในลูกโป่งจนสามารถเอามือแตะผนังได้ เช่นเดียวกับดวงดาวที่โปรตอนหลายๆ ตัว ต่างวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าใกล้กันมากที่สุด เมื่ออนุภาคของก๊าซมีความเร็วสูง ก็ทำให้เกิดความร้อนขึ้นสูงด้วย อุณหภูมิก็คือการวัดความเร็ว ในการเคลื่อนที่ของอนุภาคก๊าซนั่นเอง แล้วคุณคิดว่ากำเนิดของดวงดาว จะใช้เวลานานเท่าไหร่ การกำเนิด ดวงดาวอย่างดวงอาทิตย์นั้นใช้เวลา ยาวนานถึงหลายสิบล้านปี เมื่อกลุ่มก๊าซ ที่ทำให้เกิดดวงอาทิตย์มีความหนาแน่น ระหว่างดวงดาวมาก และมีรูปทรงกลม ที่มีรัศมีใหญ่มาก (เมื่อเปรียบเทียบกับ ดวงอาทิตย์) นาดของมัน จะเริ่มหดตัวและบีบแน่นขึ้นจนกระทั่งความร้อนเพิ่มขึ้นสูง ถึง 10 ล้านองศาเคลวินซึ่งทำให้เกิด ปฏิกิริยาฟิวชั่น การหดตัวนั้นจะเกิดขึ้นได้ เมื่อพื้นผิวของทรงกลมมีการสูญเสียพลังงาน (ไม่มีแสงสว่าง) วัตถุเริ่มอยู่นิ่งภายใต้น้ำหนักตัวของมันเอง เมื่ออุณหภูมิสูง ถึง 10 ล้านองศาเคลวิน ปฏิกิริยาฟิวชั่น เริ่มขึ้นจะมีการปล่อยพลังงานออกมา เป็นจำนวนมากซึ่งจะทดแทนพลังงาน ที่สูญเสียไปบริเวณพื้นผิว ซึ่งทำให้ รูปทรงกลมหยุดการ ดึงดูดกัน เริ่มเป็นดวงดาวเหมือนดวงอาทิตย์ กระบวนการการสูญเสียพลังงานและ หดตัวในขณะที่อุณหภูมิที่จุดศูนย์กลางสูงขึ้นเมื่อมีความดันมากขึ้น นี้ ใช้เวลา มากกว่า 10 ล้านปี จะเห็นว่าต้องใช้ระยะเวลายาวนาน กว่าที่ดวงดาวจะถือกำเนิดขึ้นมาได้ซึ่งมนุษยชาติก็เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวที่เกิดขึ้น ตลอดเวลา เนื่องจากอาจจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ของระบบสุริยจักรวาลที่เรากำลังอาศัยอยู่ก็ได้


ข้อสอบบทที่1




บทดสอบก่อนเรียน    เรื่อง   ไฟฟ้าเบื้องต้นแบ


1. ข้อใดเป็นอุปกรณ์ในการต่อเซลล์ไฟฟ้าอย่างง่าย
 ก. หลอดไฟ สายไฟเซลล์ไฟฟ้า สวิตช์
 ข. หลอดไฟ มอเตอร์ ออดไฟฟ้า
 ค. สายไฟ สวิตช์
 ง. เซลล์ไฟฟ้า แบตเตอรี่มอเตอร์เซลล์ไฟฟ้า

2. อุปกรณ์ไฟฟ้าจะทำงานได้เมื่อวงจรไฟฟ้ามีลักษณะเป็นอย่างไร
 ก. วงจรลัด
 ข. วงจรสั้น
 ค. วงจรปิด
 ง. วงจรเปิด

3. ทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าเป็นอย่างไร
 ก. ออกจากขั้ว -ไปยังขั้ว +
 ข. ออกจากขั้ว + ไปยังขั้ว –
 ค. ออกจากขั้ว + และขั้ว – สลับกัน
 ง. ไหลไปในทิศทางเดียวกัน

4. ของเล่นในข้อใดไม่มีส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า
 ก.รถบังคับวิทยุ
 ข. ปืนที่ยิงแล้วมีแสง
 ค. หุ่นยนต์ที่เดิน
 ง. ตุ๊กตาล้มลุกได้

5.ต้องใช้วัตถุใดเชื่อมต่อกับวงจรไฟฟ้าจึงจะทำให้หลอดไฟสว่าง
 ก. คลิป
 ข. หนังยาง
 ค. ดินสอ
 ง. เชือก

6. วัตถุใดนำไฟฟ้าได้ดีที่สุด
 ก. เหล็ก
 ข. เงิน
 ค. ทองแดง
 ง. อลูมิเนียม์

7. เพราะเหตุใดจึงไม่ควรพาดสายไฟบนรั้วสังกะสี
 ก. จะทำให้รั้วชำรุด์
 ข. จะทำให้รั้วเป็นสนิม
 ค. จะทำให้ฉนวนที่หุ้มฉีกขาด
 ง. จะทำให้กระแสไฟฟ้าลดลง์

8. มีชื่อเรียกว่าอะไร
 ก. บัลลาสต์
 ข. สวิตช์
 ค. หลอดไฟ
 ง. สตาร์ทเตอร์

9.  มีชื่อเรียกว่าอะไร
 ก. บัลลาสต์
 ข. สวิตช์
 ค. หลอดไฟ
 ง. สตาร์ทเตอร์

10.  มีชื่อเรียกว่าอะไร
 ก. บัลลาสต์
 ข. สวิตช์
 ค. หลอดไฟ
 ง. สตาร์ทเตอร์

คะแนนที่คุณทำได้=  คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
เฉลยคำตอบ :

ข้อบสอบบทที่2

แบบทดสอบ

เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่

ข้อที่ 1)
สาเหตุที่ทำให้เครื่องกลมีประสิทธิภาพมนการทำงานต่ำ คืออะไร
   แรงดึงน้อย
   แรงเสียดทานมาก
   แรงกดน้อย
   แรงพยายามน้อย

ข้อที่ 2)
แรงที่ต่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุเรียกว่าอะไร
   แรงดึง
   แรงกด
   สัมประสิทธิ์
   แรงเสียดทาน

ข้อที่ 3)
เหตุใดยางรถยนต์จึงมีลวดลายและผิวขรุขระ
   เพิ่มแรงเสียดทาน
   ลดแรงเสียดทาน
   ให้ความสวยงาม
   สะดวกสบายเวลาเปลี่ยนยาง

ข้อที่ 4)
กรณีใดเป็นการเพิ่มแรงเสียดทาน
   บุชในพัดลม
   ตลับลูกปืนที่ล้อ
   รองเท้าไม้
   ยางรถยนต์

ข้อที่ 5)
เมื่อรถวิ่งไปข้างหน้า แรงเสียดทานของถนนจะมีทิศทางใด
   ทิศทางตรงข้ามกับรถวิ่ง
   ทิศทางเดียวกับรถวิ่ง
   ทิศทางไม่แน่นอน
   พื้นถนนมีแรงเสียดทานทุกทิศทาง

ข้อที่ 6)
เหตุการณ์ใดสนับสนุนข้อความที่ว่า ถ้าไม่มีแรงเสียดทานรถจะแล่นไม่ได้
   รถที่วิ่งขึ้นเขา ต่องเร่งเครื่องมากกว่ารถที่แล่นในที่ราบ
   ขณะรถวิ่งลงจากเขา เมื่อดับเครื่องรถยังวิ่งต่อไปได้
   เมื่อรถวิ่งผ่านถนนที่มีน้ำมันเครื่องหกอยู่เต็ม รถจะหมุนคว้าง
   รถที่แล่นเร็วจะต้องใช้ระยะเบรคไกลกว่ารถที่แล่นช้า

ข้อที่ 7)
ยานพาหนะใดที่มีอัตราการสูญเสียพลังงานขับเฉื่อยมาจากแรงเสียดทานพาหนะขณะเคลื่อนที่มากที่สุด
   รถยนต์
   เรือ
   ยานอวกาศ
   เครื่องบิน

ข้อที่ 8)
วัตถุหนัก 2 กิโลกรัม วางบนพื้นราบ ที่มีค่าแรงเสียดทาน 2 นิวตัน เมื่อออกแรงดึงตามแนวราบ วัตถุเริ่มเคลื่อนที่พอดี จงหาสัมประสิทธิ์ของแรงเสียดทาน (1 กิโลกรัม = 10 นิวดัน)
   0.1
   1
   10
   40

ข้อที่ 9)
เมื่อออกแรงดึงท่อนไม้หนัก 1 กิโลกรัม ด้วยแรง 5 นิวตัน ท่อนไม้เริ่มเคลื่อนที่ จงหาสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน
   0.2
   0.5
   2
   5

ข้อที่ 10)
เครื่องกลมีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำมักมีสาเหตุมาจากอะไร
   แรงเสียดทานมากเกินไป
   แรงพยายามน้อยไป
   งานที่ใช้มากกว่างานที่ให้
   ถูกทุกข้อ